แดดเมืองไทยแรงไม่แพ้ชาติใดในโลก ถ้าเรามองข้ามเรื่อง “ครีมกันแดด” ผิวเราก็เหมือนบ้านที่ไม่มีหลังคา!
หลายคนทาครีมกันแดดแต่ผิวก็ยังหมอง แพ้ เป็นสิว หรือไม่เห็นผลเท่าที่ควร จริงๆ แล้ว…อาจเป็นเพราะ “เลือกครีมกันแดดผิดประเภท” ก็ได้นะคะ
วันนี้ฉันเลยอยากชวนทุกคนมาเรียนรู้ วิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิวตัวเองแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างแท้จริง พร้อมลดความเสี่ยงเรื่องริ้วรอย ฝ้า กระ และผิวไหม้แดด
ก่อนจะเลือกครีมกันแดด เราต้องเข้าใจก่อนว่า “รังสี UV” แบ่งเป็นอะไรบ้าง และแต่ละตัวอันตรายกับผิวแค่ไหน
● UVA: ลึกถึงชั้นผิวแท้ ทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ
● UVB: ส่งผลต่อผิวชั้นนอก ทำให้ผิวไหม้ แดง คล้ำ และเกิดมะเร็งผิวหนังได้
● UVC: อันนี้อันตรายสุดแต่ส่วนใหญ่ถูกกรองโดยชั้นบรรยากาศโลก
👉 ครีมกันแดดที่ดีควรป้องกันทั้ง UVA และ UVB ซึ่งจะระบุไว้ด้วยคำว่า “Broad Spectrum” หรือ “PA++++ / SPF”
ผิวแต่ละแบบมีความต้องการต่างกัน หากเราใช้ครีมกันแดดผิดกับสภาพผิว อาจทำให้เกิดการอุดตัน ระคายเคือง หรือแห้งลอกได้ ดังนี้:
🔹 ผิวมัน/ผิวเป็นสิวง่าย:
● เลือกครีมกันแดดเนื้อเจลหรือฟลูอิด บางเบา ซึมไว
● ระบุว่า “Oil-Free”, “Non-Comedogenic” (ไม่อุดตันรูขุมขน)
● หลีกเลี่ยงซิลิโคนและน้ำมัน
🔹 ผิวแห้ง:
● เลือกครีมกันแดดที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เช่น Ceramide, Hyaluronic Acid
● ใช้สูตรครีมหรือโลชั่นที่เนื้อเข้มข้น
🔹 ผิวแพ้ง่าย:
● ใช้ “Physical Sunscreen” (กันแดดแบบสะท้อนแสง)
● หลีกเลี่ยงน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเคมีรุนแรง
🔹 ผิวผสม:
● เลือกแบบบาลานซ์ระหว่างความชุ่มชื้นและความบางเบา
● อาจใช้กันแดดต่างชนิดระหว่าง T-Zone และ U-Zone
ครีมกันแดดมี 2 ประเภทหลัก ซึ่งแตกต่างกันทั้งในเรื่อง “วิธีปกป้องผิว” และ “ผลข้างเคียง” ค่ะ
🟤 Physical Sunscreen (Mineral Sunscreen):
● ใช้สารเช่น Zinc Oxide, Titanium Dioxide
● สะท้อนรังสี UV ออกจากผิวทันทีหลังทา
● เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เด็ก และคนที่ไม่อยากเสี่ยงระคายเคือง
● ข้อเสีย: เนื้อขาว หนืด ทาแล้วอาจวอกหรือเป็นคราบ
🟠 Chemical Sunscreen:
● ดูดซับรังสี UV แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อน
● เนื้อบางเบา ซึมง่าย ไม่วอก
● ต้องรอ 15-30 นาทีหลังทาก่อนออกแดด
● บางคนอาจระคายเคืองหากมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารเคมี
👉 ถ้าไม่แน่ใจ…เลือกแบบ Hybrid ก็ได้ ซึ่งรวมข้อดีของทั้ง 2 แบบในหลอดเดียว!
ฉลากบนหลอดครีมกันแดดคือแหล่งข้อมูลทองคำ! นี่คือคำที่ควรสังเกต:
SPF (Sun Protection Factor):
● ตัวเลขที่บอกการป้องกัน UVB
● SPF 30 = ป้องกันได้ประมาณ 97%, SPF 50 = 98%
● ถ้าออกแดดแรง ใช้ SPF 50 ขึ้นไป
PA+ ถึง PA++++:
● ป้องกัน UVA (ริ้วรอย ฝ้า กระ)
● ยิ่ง + มาก ยิ่งปกป้องได้ดี
Broad Spectrum:
● ปกป้องได้ทั้ง UVA และ UVB
Water Resistant:
● เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่ายน้ำ
● แต่ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
คนส่วนใหญ่มักทาครีมกันแดด “ไม่พอ” ทำให้ประสิทธิภาพลดลงทันที
ควรทาในปริมาณที่เพียงพอ ตามแนวทางนี้:
● ทาหน้า: ปริมาณประมาณ 2 ข้อนิ้ว หรือ 1/4 ช้อนชา
● ทาตัว: ใช้ประมาณ 1 ฝ่ามือ หรือเท่าแก้วช็อต
⏱ ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะถ้าเหงื่อออกมาก หรือว่ายน้ำ/ออกกำลังกาย
📝 Tip:
● ทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการลงสกินแคร์
● ถ้าแต่งหน้า ใช้สเปรย์กันแดด/คุชชั่นกันแดดซ้ำระหว่างวันได้
เลือกให้เหมาะกับ "ไลฟ์สไตล์" ด้วยนะ
● 👩💻 ทำงานในออฟฟิศ: ใช้ SPF 30 ขึ้นไป, เนื้อบางเบาไม่เหนอะหนะ
● 🏝 ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง/ท่องเที่ยว: ใช้ SPF 50+, กันน้ำ กันเหงื่อ
● 🎨 แต่งหน้าทุกวัน: เลือกเนื้อเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่รบกวนเมคอัพ
● 👶 เด็กเล็กหรือผิวบอบบางมาก: เลือก Physical Sunscreen ปลอดภัยกว่า
ทดสอบก่อนใช้: สำคัญกว่าที่คิด!
การทดสอบแพ้ก่อนใช้ครีมกันแดดแบรนด์ใหม่เป็นสิ่งที่ควรทำเสมอ:
● ทดสอบที่ท้องแขน/หลังใบหู ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
● หากไม่มีอาการคัน ผื่นแดง ระคายเคือง แสดงว่าปลอดภัย
❗ แนะนำให้ทดสอบทุกครั้งโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือมีประวัติแพ้สารกันแดดมาก่อน
🔚 สรุป: เลือกครีมกันแดดให้ดี ผิวดีแบบไม่ต้องง้อแอป!
ครีมกันแดดคือ "เกราะป้องกันผิว" ที่ทุกคนควรใช้ทุกวัน ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือกลางแจ้ง
ถ้าเลือกให้เหมาะกับผิวของเรา ไม่เพียงแต่ป้องกันแสงแดด แต่ยังช่วยชะลอวัย ลดฝ้า กระ และดูแลผิวให้แข็งแรงในระยะยาวด้วย
● American Academy of Dermatology Association. (n.d.). Sunscreen FAQs. https://www.aad.org
● Skin Cancer Foundation. (2023). Sunscreen and Sun Safety. https://www.skincancer.org
● Mayo Clinic. (2023). Choosing the right sunscreen. https://www.mayoclinic.org
● Paula’s Choice Skincare Education. (n.d.). Sunscreen Types Explained.