ก่อนซื้อสกินแคร์ทุกครั้ง คำถามแรกที่ต้องตอบตัวเองคือ “ฉันมีผิวแบบไหน?”
หลายคนซื้อครีมตามรีวิวหรือตามเพื่อน โดยไม่รู้เลยว่าผิวตัวเองต้องการอะไร ผลลัพธ์คือเกิดสิว แพ้ หรือไม่เห็นผล เพราะสกินแคร์แต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อผิวที่ต่างกัน
ประเภทผิวหลักๆ มีดังนี้
● ผิวมัน (Oily Skin)
ผิวหน้าจะมีน้ำมันส่วนเกินตลอดวัน โดยเฉพาะบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง)
สาเหตุ: ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป หรือเพราะการล้างหน้าบ่อยเกิน จนผิวเสียสมดุลแล้วผลิตน้ำมันมาทดแทน
ปัญหาที่พบ: สิวอุดตัน สิวหัวดำ สิวอักเสบ รูขุมขนกว้าง
สกินแคร์ที่เหมาะ: เนื้อเจลหรือโลชั่นบางเบา Oil-free, มี Salicylic Acid, Niacinamide ช่วยควบคุมความมัน
● ผิวแห้ง (Dry Skin)
มีการผลิตน้ำมันน้อย ผิวมักลอกเป็นขุย รู้สึกตึงหลังล้างหน้า
สาเหตุ: เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) อ่อนแอ ความชื้นระเหยออกง่าย หรืออายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ผิวบางลง
ปัญหาที่พบ: ริ้วรอยเล็กๆ ชัดไว ระคายเคืองง่าย ผิวดูหมอง
สกินแคร์ที่เหมาะ: ครีมเข้มข้น มี Ceramide, Shea Butter, Squalane และ Hyaluronic Acid เพื่อเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้น
● ผิวผสม (Combination Skin)
เป็นผิวที่พบได้มากที่สุดในคนเอเชีย มันบริเวณ T-Zone แห้งบริเวณแก้ม
สกินแคร์ที่เหมาะ: ผลิตภัณฑ์บาลานซ์ผิว ใช้เจลบางเบาตอนเช้า และมอยส์เจอร์เพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณแห้งก่อนนอน
● ผิวธรรมดา (Normal Skin)
มีความสมดุล ไม่มันหรือแห้งเกินไป แต่ยังต้องดูแลป้องกันปัญหาในอนาคต เช่น ริ้วรอย ความหมองคล้ำ
● ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
ระคายเคืองง่าย แดง คัน เป็นผื่นเมื่อสัมผัสสารบางชนิด เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์
สกินแคร์ที่เหมาะ: ผลิตภัณฑ์ Hypoallergenic ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ มีสารปลอบประโลมเช่น Allantoin, Centella Asiatica (ใบบัวบก), Panthenol
💡 Tip:
ถ้าไม่แน่ใจ ให้ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอ่อนโยน รอ 30 นาทีโดยไม่ทาอะไร หากรู้สึกตึงมากคือผิวแห้ง ถ้ามันเร็วคือผิวมัน หากบางส่วนมันบางส่วนแห้งคือผิวผสม
ส่วนผสมคือหัวใจของสกินแคร์ เรียนรู้แล้วคุณจะเลือกผลิตภัณฑ์ได้อย่างมั่นใจ ไม่หลงไปกับโฆษณา
ทำไมต้องอ่าน Ingredients?
● บอกได้ว่าผลิตภัณฑ์นี้ แก้ปัญหาอะไร
เช่น Vitamin C ช่วยเรื่องจุดด่างดำ, Retinol ลดริ้วรอย, Salicylic Acid ลดสิวอุดตัน
● บอกได้ว่า มีสารระคายเคืองหรือไม่
เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน อาจทำให้ผิวแพ้ง่ายระคายเคืองได้
● บอกลำดับความเข้มข้น เพราะส่วนผสมเรียงจากมากไปน้อย
เช่น ถ้า Hyaluronic Acid อยู่ท้ายๆ แปลว่ามีในปริมาณน้อย
สารสำคัญที่ควรรู้
💧 เพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturising):
● Hyaluronic Acid, Glycerin, Ceramide, Squalane
💡 ลดจุดด่างดำ (Brightening):
● Vitamin C (Ascorbic Acid), Niacinamide, Alpha Arbutin, Licorice Extract
💪 ลดริ้วรอย (Anti-aging):
● Retinol, Peptides, Collagen, Bakuchiol
🧼 ผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating):
● AHA (Glycolic, Lactic Acid), BHA (Salicylic Acid)
🌿 ปลอบประโลมผิว (Soothing):
● Centella Asiatica, Allantoin, Panthenol
💡 Tip:
อ่านส่วนผสมในเว็บไซต์เช่น INCIDecoder หรือ CosDNA เพื่อดูฟังก์ชันและความปลอดภัย หากมีสารก่อระคายเคืองที่ผิวคุณแพ้ ควรเลี่ยงทันที
ผิวเรามีค่า pH ประมาณ 4.5-5.5 ซึ่งเป็นกรดอ่อนๆ เพื่อปกป้องจากเชื้อโรค แบคทีเรีย มลภาวะ
⚖️ ถ้าค่า pH สูงเกินไป (ด่าง)
● ทำลายเกราะป้องกันผิว (Acid Mantle)
● ทำให้ผิวแห้ง ตึง ลอกง่าย
● เกิดการระคายเคือง บางครั้งเกิดสิวเพราะผิวพยายามผลิตน้ำมันมาทดแทน
⚖️ ถ้าค่า pH ต่ำเกินไป
● ระคายเคืองเช่นกัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีกรดสูง (เช่น Glycolic Acid)
💡 Tip:
● เลือก Cleanser, Toner, Serum, Moisturizer ที่ pH ใกล้เคียงผิว (4.5-6)
● Physical Sunscreen มักมีค่า pH เหมาะสมกับผิว แต่ควรทดสอบก่อน
● หากแบรนด์ไม่ได้บอก pH อาจค้นจากรีวิวผู้ใช้หรือถามแบรนด์โดยตรง
คำโฆษณาอาจน่าสนใจ แต่ถ้าไม่ตรงกับปัญหาผิว ก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ
เลือกตามปัญหา จะได้ไม่ผิดหวัง
● สิวอุดตัน สิวอักเสบ:
เน้น Cleanser อ่อนโยน + BHA (Salicylic Acid) + Moisturiser บางเบา + Sunscreen ที่ไม่อุดตัน
● จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ:
Vitamin C, Alpha Arbutin, Licorice Extract, Tranexamic Acid
● ผิวแห้ง ขาดน้ำ:
Ceramide, Hyaluronic Acid, Squalane, Shea Butter, น้ำมันธรรมชาติ
● ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย:
Retinol, Peptide, Collagen, Niacinamide
● รอยแดง ระคายเคืองง่าย:
Centella Asiatica, Allantoin, Panthenol, สกินแคร์สูตรไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์
💡 Tip:
เขียน “ปัญหาผิวหลักของฉันคืออะไร?” ลงในสมุด ก่อนเดินเข้าร้านหรือกดสั่งซื้อ จะช่วยให้เลือกได้ตรงจุดที่สุด
การใช้สกินแคร์คือการดูแลผิวและผ่อนคลายจิตใจ เนื้อสัมผัสและกลิ่นจึงสำคัญไม่แพ้ส่วนผสม
เนื้อสัมผัสที่เหมาะกับแต่ละผิว
● ผิวมัน: เนื้อเจลหรือโลชั่นบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
● ผิวแห้ง: ครีมเข้มข้น หรือบาล์ม มี Occlusive (เช่น Petrolatum) กักเก็บน้ำในผิว
● ผิวผสม: ทาบางเบากลางวัน และเพิ่มครีมเข้มข้นบริเวณแห้งกลางคืน
● ผิวแพ้ง่าย: เนื้อบางเบา ไม่มีน้ำหอม สี หรือแอลกอฮอล์
กลิ่นก็สำคัญ
บางคนแพ้น้ำหอมในสกินแคร์ แม้จะหอมสดชื่นแต่ก่อให้เกิดผื่นแดงหรือสิวได้ หากผิวแพ้ง่าย ควรเลือก Fragrance-free
💡 Tip:
ถ้าลอง Tester ได้ ให้ดูความรู้สึก 3 อย่าง
● หลังทา 30 วินาที (ซึมไหม เหนียวไหม)
● ผ่านไป 30 นาที (มันหรือไม่)
● หลัง 4-6 ชั่วโมง (เกิดสิวอุดตันไหม)
อย่าเชื่อคำว่า “ถูกแต่ดี” หรือ “แพงแล้วดีที่สุด” เสมอไป
วิธีประเมินความคุ้มค่า
● เทียบปริมาณ (ml, g) กับราคาขาย
● ดูความเข้มข้นของ Active Ingredients
● แบรนด์มีมาตรฐานการผลิต (GMP, Dermatologist Tested) หรือไม่
● รีวิวจากผู้ใช้จริง มี Before-After หรือประสบการณ์เชิงลึกไหม
💡 Tip:
สำหรับ Vitamin C และ Retinol ซื้อขวดเล็กจะดีกว่า เพราะหมดอายุเร็วเมื่อเปิดใช้
การเห็นผลของสกินแคร์ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
⏳ ระยะเวลาที่ควรใช้ก่อนประเมินผล
● ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น: เห็นผลทันที-1 สัปดาห์
● ผลัดเซลล์ผิว ลดสิว: 2-4 สัปดาห์
● ลดริ้วรอย จุดด่างดำ: 6-12 สัปดาห์ (ขึ้นกับสารสำคัญและความเข้มข้น)
❌ หากเกิดอาการแพ้
● คัน แสบ แดง ผื่น สิวขึ้นมากผิดปกติ หยุดใช้ทันที
● ล้างออกด้วยน้ำเปล่า และปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากอาการไม่หายภายใน 1-2 วัน
💡 Tip:
ใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ทีละตัว (Introduce one by one) เพื่อดูว่าแพ้หรือไม่ หากใช้พร้อมกันหลายตัวจะหาสาเหตุไม่เจอหากเกิดอาการแพ้
● Mayo Clinic. Skin care: 5 tips for healthy skin
● Healthline. How to Build a Skin Care Routine
● Paula’s Choice. What Is My Skin Type?
● The Derm Review. Understanding Skincare Ingredients
● Journal of Dermatological Science. (2018). Skin pH: From basic science to basic skin care.