Research Blog
งานวิจัย
Beauty Blog
ความงาม
ไลฟ์สไตล์
SB Interlab News
ข่าวสารเอสบี

สกินแคร์ที่ดี ควรเลือกจากอะไร?

July 25, 2025
Reading Count
Table of Contents

รู้จักประเภทผิวของตัวเองให้ถ่องแท้ก่อน

ก่อนซื้อสกินแคร์ทุกครั้ง คำถามแรกที่ต้องตอบตัวเองคือ “ฉันมีผิวแบบไหน?”

หลายคนซื้อครีมตามรีวิวหรือตามเพื่อน โดยไม่รู้เลยว่าผิวตัวเองต้องการอะไร ผลลัพธ์คือเกิดสิว แพ้ หรือไม่เห็นผล เพราะสกินแคร์แต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อผิวที่ต่างกัน

 ประเภทผิวหลักๆ มีดังนี้

ผิวมัน (Oily Skin)
ผิวหน้าจะมีน้ำมันส่วนเกินตลอดวัน โดยเฉพาะบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง)
สาเหตุ: ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป หรือเพราะการล้างหน้าบ่อยเกิน จนผิวเสียสมดุลแล้วผลิตน้ำมันมาทดแทน
ปัญหาที่พบ: สิวอุดตัน สิวหัวดำ สิวอักเสบ รูขุมขนกว้าง
สกินแคร์ที่เหมาะ: เนื้อเจลหรือโลชั่นบางเบา Oil-free, มี Salicylic Acid, Niacinamide ช่วยควบคุมความมัน

ผิวแห้ง (Dry Skin)
มีการผลิตน้ำมันน้อย ผิวมักลอกเป็นขุย รู้สึกตึงหลังล้างหน้า
สาเหตุ: เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) อ่อนแอ ความชื้นระเหยออกง่าย หรืออายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ผิวบางลง
ปัญหาที่พบ: ริ้วรอยเล็กๆ ชัดไว ระคายเคืองง่าย ผิวดูหมอง
สกินแคร์ที่เหมาะ: ครีมเข้มข้น มี Ceramide, Shea Butter, Squalane และ Hyaluronic Acid เพื่อเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้น

ผิวผสม (Combination Skin)
เป็นผิวที่พบได้มากที่สุดในคนเอเชีย มันบริเวณ T-Zone แห้งบริเวณแก้ม
สกินแคร์ที่เหมาะ: ผลิตภัณฑ์บาลานซ์ผิว ใช้เจลบางเบาตอนเช้า และมอยส์เจอร์เพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณแห้งก่อนนอน

ผิวธรรมดา (Normal Skin)
มีความสมดุล ไม่มันหรือแห้งเกินไป แต่ยังต้องดูแลป้องกันปัญหาในอนาคต เช่น ริ้วรอย ความหมองคล้ำ

ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
ระคายเคืองง่าย แดง คัน เป็นผื่นเมื่อสัมผัสสารบางชนิด เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์
สกินแคร์ที่เหมาะ: ผลิตภัณฑ์ Hypoallergenic ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ มีสารปลอบประโลมเช่น Allantoin, Centella Asiatica (ใบบัวบก), Panthenol

💡 Tip:

ถ้าไม่แน่ใจ ให้ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอ่อนโยน รอ 30 นาทีโดยไม่ทาอะไร หากรู้สึกตึงมากคือผิวแห้ง ถ้ามันเร็วคือผิวมัน หากบางส่วนมันบางส่วนแห้งคือผิวผสม

อ่านส่วนผสม (Ingredients) อย่างเข้าใจ ไม่ใช่แค่ชื่อแบรนด์

ส่วนผสมคือหัวใจของสกินแคร์ เรียนรู้แล้วคุณจะเลือกผลิตภัณฑ์ได้อย่างมั่นใจ ไม่หลงไปกับโฆษณา

ทำไมต้องอ่าน Ingredients?

●  บอกได้ว่าผลิตภัณฑ์นี้ แก้ปัญหาอะไร
เช่น Vitamin C ช่วยเรื่องจุดด่างดำ, Retinol ลดริ้วรอย, Salicylic Acid ลดสิวอุดตัน

●  บอกได้ว่า มีสารระคายเคืองหรือไม่
เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน อาจทำให้ผิวแพ้ง่ายระคายเคืองได้

●  บอกลำดับความเข้มข้น เพราะส่วนผสมเรียงจากมากไปน้อย
เช่น ถ้า Hyaluronic Acid อยู่ท้ายๆ แปลว่ามีในปริมาณน้อย

สารสำคัญที่ควรรู้

💧 เพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturising):

● Hyaluronic Acid, Glycerin, Ceramide, Squalane

💡 ลดจุดด่างดำ (Brightening):

● Vitamin C (Ascorbic Acid), Niacinamide, Alpha Arbutin, Licorice Extract

💪 ลดริ้วรอย (Anti-aging):

● Retinol, Peptides, Collagen, Bakuchiol

🧼 ผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating):

● AHA (Glycolic, Lactic Acid), BHA (Salicylic Acid)

🌿 ปลอบประโลมผิว (Soothing):

● Centella Asiatica, Allantoin, Panthenol

💡 Tip:

อ่านส่วนผสมในเว็บไซต์เช่น INCIDecoder หรือ CosDNA เพื่อดูฟังก์ชันและความปลอดภัย หากมีสารก่อระคายเคืองที่ผิวคุณแพ้ ควรเลี่ยงทันที

ค่า pH ของผลิตภัณฑ์ สำคัญกว่าที่คิด

ผิวเรามีค่า pH ประมาณ 4.5-5.5 ซึ่งเป็นกรดอ่อนๆ เพื่อปกป้องจากเชื้อโรค แบคทีเรีย มลภาวะ

⚖️ ถ้าค่า pH สูงเกินไป (ด่าง)

● ทำลายเกราะป้องกันผิว (Acid Mantle)

● ทำให้ผิวแห้ง ตึง ลอกง่าย

● เกิดการระคายเคือง บางครั้งเกิดสิวเพราะผิวพยายามผลิตน้ำมันมาทดแทน

⚖️ ถ้าค่า pH ต่ำเกินไป

● ระคายเคืองเช่นกัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีกรดสูง (เช่น Glycolic Acid)

💡 Tip:

● เลือก Cleanser, Toner, Serum, Moisturizer ที่ pH ใกล้เคียงผิว (4.5-6)
● Physical Sunscreen มักมีค่า pH เหมาะสมกับผิว แต่ควรทดสอบก่อน
●  หากแบรนด์ไม่ได้บอก pH อาจค้นจากรีวิวผู้ใช้หรือถามแบรนด์โดยตรง

เลือกตามปัญหาผิวจริง ไม่ใช่ตามกระแส

คำโฆษณาอาจน่าสนใจ แต่ถ้าไม่ตรงกับปัญหาผิว ก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ

 เลือกตามปัญหา จะได้ไม่ผิดหวัง

สิวอุดตัน สิวอักเสบ:
เน้น Cleanser อ่อนโยน + BHA (Salicylic Acid) + Moisturiser บางเบา + Sunscreen ที่ไม่อุดตัน

จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ:
Vitamin C, Alpha Arbutin, Licorice Extract, Tranexamic Acid

ผิวแห้ง ขาดน้ำ:
Ceramide, Hyaluronic Acid, Squalane, Shea Butter, น้ำมันธรรมชาติ

ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย:
Retinol, Peptide, Collagen, Niacinamide

●  รอยแดง ระคายเคืองง่าย:
Centella Asiatica, Allantoin, Panthenol, สกินแคร์สูตรไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์

💡 Tip:

เขียน “ปัญหาผิวหลักของฉันคืออะไร?” ลงในสมุด ก่อนเดินเข้าร้านหรือกดสั่งซื้อ จะช่วยให้เลือกได้ตรงจุดที่สุด

เลือกเนื้อสัมผัส (Texture) และกลิ่นที่เหมาะกับใจและผิว

การใช้สกินแคร์คือการดูแลผิวและผ่อนคลายจิตใจ เนื้อสัมผัสและกลิ่นจึงสำคัญไม่แพ้ส่วนผสม

 เนื้อสัมผัสที่เหมาะกับแต่ละผิว

●  ผิวมัน: เนื้อเจลหรือโลชั่นบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ผิวแห้ง: ครีมเข้มข้น หรือบาล์ม มี Occlusive (เช่น Petrolatum) กักเก็บน้ำในผิว

ผิวผสม: ทาบางเบากลางวัน และเพิ่มครีมเข้มข้นบริเวณแห้งกลางคืน

ผิวแพ้ง่าย: เนื้อบางเบา ไม่มีน้ำหอม สี หรือแอลกอฮอล์

กลิ่นก็สำคัญ

บางคนแพ้น้ำหอมในสกินแคร์ แม้จะหอมสดชื่นแต่ก่อให้เกิดผื่นแดงหรือสิวได้ หากผิวแพ้ง่าย ควรเลือก Fragrance-free

💡 Tip:

ถ้าลอง Tester ได้ ให้ดูความรู้สึก 3 อย่าง

● หลังทา 30 วินาที (ซึมไหม เหนียวไหม)
● ผ่านไป 30 นาที (มันหรือไม่)

● หลัง 4-6 ชั่วโมง (เกิดสิวอุดตันไหม)

พิจารณาราคาและความคุ้มค่าในระยะยาว

อย่าเชื่อคำว่า “ถูกแต่ดี” หรือ “แพงแล้วดีที่สุด” เสมอไป

วิธีประเมินความคุ้มค่า

●  เทียบปริมาณ (ml, g) กับราคาขาย
● ดูความเข้มข้นของ Active Ingredients
●  แบรนด์มีมาตรฐานการผลิต (GMP, Dermatologist Tested) หรือไม่
●  รีวิวจากผู้ใช้จริง มี Before-After หรือประสบการณ์เชิงลึกไหม

💡 Tip:

สำหรับ Vitamin C และ Retinol ซื้อขวดเล็กจะดีกว่า เพราะหมดอายุเร็วเมื่อเปิดใช้

ทดลองใช้อย่างใจเย็น และสังเกตผลลัพธ์

การเห็นผลของสกินแคร์ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน

⏳ ระยะเวลาที่ควรใช้ก่อนประเมินผล

ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น: เห็นผลทันที-1 สัปดาห์

ผลัดเซลล์ผิว ลดสิว: 2-4 สัปดาห์

ลดริ้วรอย จุดด่างดำ: 6-12 สัปดาห์ (ขึ้นกับสารสำคัญและความเข้มข้น)

❌ หากเกิดอาการแพ้

● คัน แสบ แดง ผื่น สิวขึ้นมากผิดปกติ หยุดใช้ทันที

● ล้างออกด้วยน้ำเปล่า และปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากอาการไม่หายภายใน 1-2 วัน

💡 Tip:

ใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ทีละตัว (Introduce one by one) เพื่อดูว่าแพ้หรือไม่ หากใช้พร้อมกันหลายตัวจะหาสาเหตุไม่เจอหากเกิดอาการแพ้

References

● Mayo Clinic. Skin care: 5 tips for healthy skin

● Healthline. How to Build a Skin Care Routine

● Paula’s Choice. What Is My Skin Type?

● The Derm Review. Understanding Skincare Ingredients

● Journal of Dermatological Science. (2018). Skin pH: From basic science to basic skin care.

Recommended Products

Related Knowledges