การสครับผิว คือหนึ่งในขั้นตอนดูแลผิวที่สำคัญและให้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด เพราะเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียน กระจ่างใส และช่วยให้ครีมหรือโลชั่นซึมลึกมากขึ้น หลายคนคงคุ้นเคยกับ เกลือสครับ ที่นิยมใช้กันมานาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์น้องใหม่มาแรงอย่าง “สครับผิวเนื้อไอติม” ที่หลายคนหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความแตกต่างระหว่างสครับสองแบบนี้ พร้อมเปรียบเทียบอย่างละเอียด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าแบบไหนเหมาะกับผิวคุณที่สุด
ก่อนจะไปถึงเรื่องของเนื้อสครับ เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานของการสครับผิวกันก่อน เพราะหลายคนยังเข้าใจว่าเป็นแค่การ “ขัดผิวให้ขาว” แต่ในความเป็นจริง การสครับผิวคือการ “ผลัดเซลล์ผิวเก่า” ที่สะสมอยู่บนชั้นผิวหนังให้ออกไป เพื่อเปิดทางให้ผิวใหม่ที่สดใสและสุขภาพดีขึ้นมาแทน
ผิวของเราผลัดเซลล์เองตามธรรมชาติทุก 28–30 วัน แต่ในบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากขึ้นหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะ กระบวนการผลัดเซลล์ผิวอาจช้าลง ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ หยาบกร้าน และไม่สม่ำเสมอ การสครับผิวช่วยกระตุ้นกระบวนการนี้ให้ทำงานดีขึ้น และยังลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิวและผดผื่นอีกด้วย
นอกจากนี้ การสครับผิวยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ให้ผิวดูมีชีวิตชีวา สดใส และดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“สครับผิวเนื้อไอติม” เป็นชื่อเล่นที่คนไทยตั้งให้กับสครับเนื้อครีมหรือเจลที่มีสัมผัสเนียนนุ่ม ละเอียด และเย็นสบายราวกับไอศกรีมเย็นๆ เมื่อสัมผัสผิว เนื้อสครับประเภทนี้มักมีสีสันน่ารัก กลิ่นหอม และเนื้อสัมผัสละมุนจนรู้สึกเหมือนกำลังทาครีมขนมหวานบนผิว มากกว่าจะเป็นการขัดผิวแบบเดิมๆ
จุดเด่นของสครับไอติมคือ “ความอ่อนโยน” เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง หรือเคยมีประสบการณ์ไม่ดีกับสครับที่บาดผิว สครับไอติมมักใช้เม็ดขัดผิวที่ได้จากพืชธรรมชาติ เช่น เมล็ดพืชบดละเอียด หรือเม็ดน้ำตาล ซึ่งแตกตัวได้ง่ายเมื่อโดนน้ำ ช่วยให้การสครับนุ่มนวล ไม่เสียดสีผิวมาก
นอกจากนี้ ยังมีการผสมส่วนผสมที่บำรุงผิวในตัว เช่น วิตามิน E น้ำมันจากพืชธรรมชาติ และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นหลังใช้ โดยไม่รู้สึกตึงผิวหรือแห้งลอก ที่สำคัญคือกลิ่นหอมสดชื่น ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้ทำสปาในบ้าน
“เกลือสครับ” คือสครับที่ใช้เกลือทะเลหรือเกลือแร่ธรรมชาติเป็นเม็ดขัดผิว ซึ่งมักจะมีขนาดใหญ่กว่าเม็ดสครับประเภทอื่น ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างล้ำลึก เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์เร็ว เห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวหลังใช้ไม่นาน
เกลือมีคุณสมบัติตามธรรมชาติที่ช่วยฆ่าเชื้อและดูดซับความมัน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีผิวมัน ผิวหมองคล้ำ หรือผิวบริเวณที่ด้าน เช่น ข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม และหลังการเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน
แม้เกลือสครับจะขัดผิวได้ล้ำลึก แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบางหรือมีแผล เพราะเม็ดเกลืออาจทำให้ผิวรู้สึกระคายเคือง หรือแสบได้หากผิวไม่แข็งแรงพอ ดังนั้นควรเลือกเกลือสครับที่มีการผสมน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันอัลมอนด์ เพื่อให้เนื้อสัมผัสลื่นขึ้นและไม่ทำร้ายผิว
เมื่อใช้จริง คุณจะรู้สึกถึงความแตกต่างชัดเจนระหว่างสครับสองแบบนี้
สครับเนื้อไอติม ให้ความรู้สึกนุ่ม ลื่น และเย็นสบายขณะใช้ ไม่บาดผิว และสามารถนวดวนได้นานโดยไม่รู้สึกระคายเคือง เหมาะมากในวันที่คุณเหนื่อยล้า อยากเติมความสดชื่นให้กับร่างกาย การใช้สครับเนื้อไอติมเหมือนการให้รางวัลกับผิวและจิตใจไปพร้อมกัน
ในขณะที่ เกลือสครับ จะให้ความรู้สึกถึง “แรงขัด” ที่ชัดเจนขึ้น ขณะขัดผิวคุณจะรู้สึกถึงเม็ดเกลือสัมผัสผิวโดยตรง หากผิวมีรอยหรือแผล อาจรู้สึกแสบได้เล็กน้อย แต่ก็เป็นความรู้สึกที่บางคนชอบ เพราะมันทำให้รู้สึกว่า “ผิวสะอาดจริงๆ” หรือ “สครับแล้วผิวนุ่มขึ้นทันที” แบบชัดเจน
ความชุ่มชื้นหลังการใช้ และผลลัพธ์ที่ต่างกัน
หลังการสครับผิว จุดที่หลายคนให้ความสำคัญคือ “ความรู้สึกหลังใช้” ซึ่งแตกต่างกันชัดเจน
สครับไอติม มักมีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นส่วนผสม ทำให้ผิวรู้สึกนุ่มลื่นและชุ่มชื้นทันทีหลังล้างออก ผิวไม่ตึง ไม่แห้ง และไม่ต้องรีบทาครีมบำรุงต่อทันที เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรืออยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ
ในทางกลับกัน เกลือสครับ หากไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือครีมบำรุง อาจทำให้ผิวรู้สึกแห้งหรือตึงได้ในบางราย โดยเฉพาะผิวแห้งมากหรือผิวแพ้ง่าย จึงแนะนำให้รีบทาโลชั่นหรือครีมบำรุงทันทีหลังใช้ เพื่อเติมน้ำให้ผิว
ไม่ใช่ว่าสครับแบบใด “ดีกว่า” เพราะทั้งสครับเนื้อไอติมและเกลือสครับต่างก็มีข้อดีในแบบของตัวเอง หากคุณเลือกใช้ให้เหมาะกับผิว ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีทั้งคู่
เลือกสครับเนื้อไอติม ถ้าคุณ:
● มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย หรือระคายเคืองง่าย
● ไม่ชอบแรงขัดที่รุนแรง
● ชอบกลิ่นหอมสดชื่น และความรู้สึกผ่อนคลาย
● อยากสครับผิวเป็นประจำโดยไม่ทำร้ายผิว
เลือกเกลือสครับ ถ้าคุณ:
● มีผิวมัน ผิวหนา หรือมีปัญหาผิวด้าน
● ต้องการผลัดเซลล์ผิวแบบล้ำลึก
● ต้องการเห็นผลไวและชัดเจน
● ไม่แพ้ง่ายและสามารถรับแรงสครับได้
ไม่ว่าสครับจะอ่อนโยนแค่ไหน ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจทำให้ผิวพังได้ ดังนั้นควรทำตามคำแนะนำเหล่านี้:
● ใช้สครับเฉพาะตอนผิวเปียก เพื่อให้เนื้อสครับนุ่มและไม่ทำร้ายผิว
● ขัดผิวเบาๆ ด้วยการนวดวนตามแนวผิว ไม่ถูแรง
● จำกัดการใช้ไม่เกิน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
● หลีกเลี่ยงการใช้สครับบนผิวที่อักเสบ แพ้ หรือเป็นแผล
● หลังการสครับ ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือโลชั่นบำรุงทันที
การสครับที่ดีควรเป็นช่วงเวลาแห่งการดูแลตัวเอง ไม่ใช่การบีบเค้นหรือเร่งรัดให้ผิวใสในวันเดียว ค่อยๆ ขัด ค่อยๆ บำรุง แล้วผิวที่ดีจะตามมาเองค่ะ
● Healthline. (2020). How to Exfoliate Your Skin Safely. Retrieved from: https://www.healthline.com/health/how-to-exfoliate-skin
● American Academy of Dermatology (AAD). Exfoliation: Tips to Smooth Skin. Retrieved from: https://www.aad.org/public/everyday-care/skin-care-secrets/routine/exfoliation
● Byrdie. (2023). Sugar vs. Salt Scrubs: What's the Difference? Retrieved from: https://www.byrdie.com/sugar-vs-salt-body-scrubs-5186223