Research Blog
งานวิจัย
Beauty Blog
ความงาม
ไลฟ์สไตล์
SB Interlab News
ข่าวสารเอสบี

สครับผิวเนื้อไอติม” กับ “เกลือสครับ” ต่างกันยังไง? แบบไหนดีกว่า? บทความนี้มีคำตอบ

July 29, 2025
Reading Count
Table of Contents

สครับผิวเนื้อไอติม” กับ “เกลือสครับ” ต่างกันยังไง? แบบไหนดีกว่า? บทความนี้มีคำตอบ

การสครับผิว คือหนึ่งในขั้นตอนดูแลผิวที่สำคัญและให้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด เพราะเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียน กระจ่างใส และช่วยให้ครีมหรือโลชั่นซึมลึกมากขึ้น หลายคนคงคุ้นเคยกับ เกลือสครับ ที่นิยมใช้กันมานาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์น้องใหม่มาแรงอย่าง “สครับผิวเนื้อไอติม” ที่หลายคนหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความแตกต่างระหว่างสครับสองแบบนี้ พร้อมเปรียบเทียบอย่างละเอียด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าแบบไหนเหมาะกับผิวคุณที่สุด

ทำไมการสครับผิวถึงสำคัญ?

ก่อนจะไปถึงเรื่องของเนื้อสครับ เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานของการสครับผิวกันก่อน เพราะหลายคนยังเข้าใจว่าเป็นแค่การ “ขัดผิวให้ขาว” แต่ในความเป็นจริง การสครับผิวคือการ “ผลัดเซลล์ผิวเก่า” ที่สะสมอยู่บนชั้นผิวหนังให้ออกไป เพื่อเปิดทางให้ผิวใหม่ที่สดใสและสุขภาพดีขึ้นมาแทน

ผิวของเราผลัดเซลล์เองตามธรรมชาติทุก 28–30 วัน แต่ในบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากขึ้นหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะ กระบวนการผลัดเซลล์ผิวอาจช้าลง ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ หยาบกร้าน และไม่สม่ำเสมอ การสครับผิวช่วยกระตุ้นกระบวนการนี้ให้ทำงานดีขึ้น และยังลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิวและผดผื่นอีกด้วย

นอกจากนี้ การสครับผิวยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ให้ผิวดูมีชีวิตชีวา สดใส และดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สครับผิวเนื้อไอติมคืออะไร? ทำไมถึงน่าใช้?

“สครับผิวเนื้อไอติม” เป็นชื่อเล่นที่คนไทยตั้งให้กับสครับเนื้อครีมหรือเจลที่มีสัมผัสเนียนนุ่ม ละเอียด และเย็นสบายราวกับไอศกรีมเย็นๆ เมื่อสัมผัสผิว เนื้อสครับประเภทนี้มักมีสีสันน่ารัก กลิ่นหอม และเนื้อสัมผัสละมุนจนรู้สึกเหมือนกำลังทาครีมขนมหวานบนผิว มากกว่าจะเป็นการขัดผิวแบบเดิมๆ

จุดเด่นของสครับไอติมคือ “ความอ่อนโยน” เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง หรือเคยมีประสบการณ์ไม่ดีกับสครับที่บาดผิว สครับไอติมมักใช้เม็ดขัดผิวที่ได้จากพืชธรรมชาติ เช่น เมล็ดพืชบดละเอียด หรือเม็ดน้ำตาล ซึ่งแตกตัวได้ง่ายเมื่อโดนน้ำ ช่วยให้การสครับนุ่มนวล ไม่เสียดสีผิวมาก

นอกจากนี้ ยังมีการผสมส่วนผสมที่บำรุงผิวในตัว เช่น วิตามิน E น้ำมันจากพืชธรรมชาติ และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นหลังใช้ โดยไม่รู้สึกตึงผิวหรือแห้งลอก ที่สำคัญคือกลิ่นหอมสดชื่น ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้ทำสปาในบ้าน

เกลือสครับคืออะไร? วิธีคลาสสิกที่ยังใช้ได้ผล

“เกลือสครับ” คือสครับที่ใช้เกลือทะเลหรือเกลือแร่ธรรมชาติเป็นเม็ดขัดผิว ซึ่งมักจะมีขนาดใหญ่กว่าเม็ดสครับประเภทอื่น ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างล้ำลึก เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์เร็ว เห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวหลังใช้ไม่นาน

เกลือมีคุณสมบัติตามธรรมชาติที่ช่วยฆ่าเชื้อและดูดซับความมัน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีผิวมัน ผิวหมองคล้ำ หรือผิวบริเวณที่ด้าน เช่น ข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม และหลังการเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน

แม้เกลือสครับจะขัดผิวได้ล้ำลึก แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบางหรือมีแผล เพราะเม็ดเกลืออาจทำให้ผิวรู้สึกระคายเคือง หรือแสบได้หากผิวไม่แข็งแรงพอ ดังนั้นควรเลือกเกลือสครับที่มีการผสมน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันอัลมอนด์ เพื่อให้เนื้อสัมผัสลื่นขึ้นและไม่ทำร้ายผิว

ความต่างของเนื้อสัมผัสและความรู้สึกขณะใช้

เมื่อใช้จริง คุณจะรู้สึกถึงความแตกต่างชัดเจนระหว่างสครับสองแบบนี้

สครับเนื้อไอติม ให้ความรู้สึกนุ่ม ลื่น และเย็นสบายขณะใช้ ไม่บาดผิว และสามารถนวดวนได้นานโดยไม่รู้สึกระคายเคือง เหมาะมากในวันที่คุณเหนื่อยล้า อยากเติมความสดชื่นให้กับร่างกาย การใช้สครับเนื้อไอติมเหมือนการให้รางวัลกับผิวและจิตใจไปพร้อมกัน

ในขณะที่ เกลือสครับ จะให้ความรู้สึกถึง “แรงขัด” ที่ชัดเจนขึ้น ขณะขัดผิวคุณจะรู้สึกถึงเม็ดเกลือสัมผัสผิวโดยตรง หากผิวมีรอยหรือแผล อาจรู้สึกแสบได้เล็กน้อย แต่ก็เป็นความรู้สึกที่บางคนชอบ เพราะมันทำให้รู้สึกว่า “ผิวสะอาดจริงๆ” หรือ “สครับแล้วผิวนุ่มขึ้นทันที” แบบชัดเจน

 ความชุ่มชื้นหลังการใช้ และผลลัพธ์ที่ต่างกัน

หลังการสครับผิว จุดที่หลายคนให้ความสำคัญคือ “ความรู้สึกหลังใช้” ซึ่งแตกต่างกันชัดเจน

สครับไอติม มักมีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นส่วนผสม ทำให้ผิวรู้สึกนุ่มลื่นและชุ่มชื้นทันทีหลังล้างออก ผิวไม่ตึง ไม่แห้ง และไม่ต้องรีบทาครีมบำรุงต่อทันที เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรืออยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ

ในทางกลับกัน เกลือสครับ หากไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือครีมบำรุง อาจทำให้ผิวรู้สึกแห้งหรือตึงได้ในบางราย โดยเฉพาะผิวแห้งมากหรือผิวแพ้ง่าย จึงแนะนำให้รีบทาโลชั่นหรือครีมบำรุงทันทีหลังใช้ เพื่อเติมน้ำให้ผิว

แบบไหนดีกว่า? คำตอบอยู่ที่ “คุณเลือกตามสภาพผิวตัวเอง”

ไม่ใช่ว่าสครับแบบใด “ดีกว่า” เพราะทั้งสครับเนื้อไอติมและเกลือสครับต่างก็มีข้อดีในแบบของตัวเอง หากคุณเลือกใช้ให้เหมาะกับผิว ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีทั้งคู่

เลือกสครับเนื้อไอติม ถ้าคุณ:

● มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย หรือระคายเคืองง่าย

● ไม่ชอบแรงขัดที่รุนแรง

● ชอบกลิ่นหอมสดชื่น และความรู้สึกผ่อนคลาย

● อยากสครับผิวเป็นประจำโดยไม่ทำร้ายผิว

เลือกเกลือสครับ ถ้าคุณ:

● มีผิวมัน ผิวหนา หรือมีปัญหาผิวด้าน

● ต้องการผลัดเซลล์ผิวแบบล้ำลึก

● ต้องการเห็นผลไวและชัดเจน
● ไม่แพ้ง่ายและสามารถรับแรงสครับได้

วิธีใช้สครับอย่างปลอดภัย ให้ผิวสวยแบบไม่แสบ

ไม่ว่าสครับจะอ่อนโยนแค่ไหน ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจทำให้ผิวพังได้ ดังนั้นควรทำตามคำแนะนำเหล่านี้:

● ใช้สครับเฉพาะตอนผิวเปียก เพื่อให้เนื้อสครับนุ่มและไม่ทำร้ายผิว

● ขัดผิวเบาๆ ด้วยการนวดวนตามแนวผิว ไม่ถูแรง

● จำกัดการใช้ไม่เกิน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

● หลีกเลี่ยงการใช้สครับบนผิวที่อักเสบ แพ้ หรือเป็นแผล

● หลังการสครับ ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือโลชั่นบำรุงทันที

การสครับที่ดีควรเป็นช่วงเวลาแห่งการดูแลตัวเอง ไม่ใช่การบีบเค้นหรือเร่งรัดให้ผิวใสในวันเดียว ค่อยๆ ขัด ค่อยๆ บำรุง แล้วผิวที่ดีจะตามมาเองค่ะ

References

● Healthline. (2020). How to Exfoliate Your Skin Safely. Retrieved from: https://www.healthline.com/health/how-to-exfoliate-skin

● American Academy of Dermatology (AAD). Exfoliation: Tips to Smooth Skin. Retrieved from: https://www.aad.org/public/everyday-care/skin-care-secrets/routine/exfoliation

● Byrdie. (2023). Sugar vs. Salt Scrubs: What's the Difference? Retrieved from: https://www.byrdie.com/sugar-vs-salt-body-scrubs-5186223

Recommended Products

Related Knowledges