Research Blog
งานวิจัย
Beauty Blog
ความงาม
ไลฟ์สไตล์
SB Interlab News
ข่าวสารเอสบี

ฟื้นฟูผิวหน้าอย่างไร ให้ใสปิ๊ง ดูสุขภาพดีแบบยั่งยืน

May 19, 2025
Reading Count
Table of Contents

เข้าใจสภาพผิวตัวเองก่อนเริ่มดูแล

หลายคนเริ่มดูแลผิวหน้าด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์ที่คนอื่นบอกว่าดี หรือใช้ตามรีวิว โดยไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเหมาะกับผิวของตัวเองหรือไม่ สิ่งแรกที่เราควรทำในการฟื้นฟูผิว คือการทำความรู้จัก “สภาพผิว” ของตัวเองอย่างแท้จริง ว่าผิวเราเป็นแบบไหน ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย การรู้ตรงนี้จะช่วยให้เราเลือกวิธีการดูแลและสกินแคร์ที่เหมาะสม

ผิวมันมักมีรูขุมขนกว้าง และเสี่ยงต่อการเกิดสิวจากการอุดตันของน้ำมัน ส่วนผิวแห้งจะรู้สึกตึงง่าย แห้งลอกเป็นขุย ผิวผสมมักมีความมันเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) ขณะที่ผิวส่วนอื่นจะแห้ง และถ้าคุณเป็นคนผิวแพ้ง่าย ต้องระวังเป็นพิเศษกับส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือพาราเบน

การรู้จักผิวตัวเองจึงเป็นพื้นฐานของการฟื้นฟูผิวที่ถูกต้อง เพราะถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับสภาพผิว ไม่เพียงแต่ไม่เห็นผล อาจกลับกลายเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ล้างหน้าให้ถูกวิธี เริ่มต้นการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน

การล้างหน้าเป็นขั้นตอนที่ดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วคือ “จุดเริ่มต้นของผิวสุขภาพดี” หากล้างไม่สะอาด สิ่งสกปรกจะอุดตันรูขุมขน กลายเป็นสิว ถ้าล้างแรงเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง ผิวก็จะระคายเคือง แห้งกร้าน และอ่อนแอลงเรื่อยๆ

เลือกคลีนเซอร์ที่อ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์ และพยายามหลีกเลี่ยงโฟมที่ฟองเยอะเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งตึงได้ หลังล้างหน้า ควรใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ซับหน้าเบาๆ อย่าถูแรง และควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า–เย็น เท่านั้น การล้างหน้าบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวสูญเสียสมดุลความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ

อีกเทคนิคที่หลายคนมองข้ามคือการ “Double Cleansing” หรือการล้างหน้าสองขั้นตอน เริ่มจากใช้คลีนซิ่งออยล์หรือไมเซลล่าวอเตอร์ล้างเครื่องสำอางและกันแดด แล้วตามด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดลึกยิ่งขึ้น วิธีนี้ช่วยให้ผิวสะอาดล้ำลึก ลดสิว ผิวใสแบบไม่ทำร้ายผิว

เติมน้ำให้ผิวด้วยการบำรุงที่ถูกจุด

เมื่อผิวสะอาดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เพราะผิวที่ขาดน้ำจะดูหมองคล้ำ มีริ้วรอยง่าย และไวต่อแสงแดด เราควรเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับปัญหาผิว เช่น

 ● ถ้าผิวแห้ง → ใช้เซรั่มหรือครีมที่มี Hyaluronic Acid, Ceramide หรือ Glycerin

 ● ถ้าผิวมันแต่ขาดน้ำ → ใช้เจลบำรุงที่บางเบา ซึมไว ไม่อุดตันรูขุมขน

 ● ถ้าผิวหมองคล้ำ → เลือกเซรั่มที่มี วิตามินซี, ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใส

นอกจากนี้ การใช้ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทาหลังจากเซรั่มยังช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดีขึ้น การลงบำรุงควรใช้วิธีการตบเบาๆ หรือกดซึมด้วยฝ่ามือ จะช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์เข้าสู่ผิวได้ลึกยิ่งขึ้น

มาสก์หน้าและสครับ เพื่อฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน

มาสก์หน้าเป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวในเวลาอันสั้น และยังเป็นโอกาสให้ผิวได้รับการฟื้นฟูแบบเร่งด่วน โดยเฉพาะมาสก์ที่มีสารบำรุงเข้มข้น เช่น คอลลาเจน ว่านหางจระเข้ หรือเซราไมด์

มาสก์หน้าสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ดูเปล่งปลั่งสดใส ส่วนการสครับผิว (Scrub) ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวใหม่เผยออกมาได้ดีขึ้น ควรเลือกสครับที่มีเม็ดละเอียด อ่อนโยน ไม่บาดผิว และไม่ควรสครับเกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

การสครับและมาสก์เป็นเหมือนการรีเซ็ตผิวให้สะอาด กระจ่างใส และพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้ดีขึ้น

ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดทุกวัน

แสงแดดคือศัตรูตัวร้ายของผิว ไม่ว่าจะออกไปข้างนอกหรืออยู่ในบ้านก็ต้องทาครีมกันแดด เพราะรังสี UVA/UVB และแสงจากหน้าจอก็สามารถทำร้ายผิวได้เช่นกัน

เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และ PA+++ ขึ้นไปสำหรับการใช้งานประจำวัน ถ้าต้องออกแดดแรงเป็นเวลานาน ควรเลือก SPF50 และทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ผลอย่างต่อเนื่อง

กันแดดไม่เพียงป้องกันความหมองคล้ำ แต่ยังลดความเสี่ยงของฝ้า กระ จุดด่างดำ และการเสื่อมของคอลลาเจนใต้ผิวอีกด้วย

ฟื้นฟูผิวจากภายใน ด้วยอาหารและการพักผ่อน

ไม่ใช่แค่ภายนอกที่สำคัญ การดูแลผิวจากภายในก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของการฟื้นฟูผิว การนอนหลับให้เพียงพอ (7–8 ชั่วโมงต่อคืน) ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว

การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร ช่วยให้ผิวไม่แห้ง ลดปัญหาผิวลอกหรือขาดน้ำ ส่วนเรื่องอาหาร ควรกินผัก ผลไม้ และอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน A, C, E และโอเมก้า 3 เช่น อะโวคาโด ปลาทะเล ไข่ และถั่ว ซึ่งช่วยให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใสจากภายในอย่างแท้จริง

เพิ่มพลังผิวด้วยการนวดและโยคะหน้า

การนวดหน้าเบาๆ ระหว่างทาครีมหรือเซรั่ม จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ผิวจึงดูสดใส มีเลือดฝาด และลดอาการบวมหรือหน้าหย่อนคล้อยได้

การฝึก “โยคะหน้า” ยังเป็นเทคนิคใหม่ที่น่าสนใจ เช่น การยืดเหยียดกล้ามเนื้อใบหน้าเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน และกระชับกล้ามเนื้อให้เต่งตึง โดยใช้เวลาวันละแค่ 5–10 นาทีเท่านั้น

เมื่อเราใส่ใจดูแลผิวทั้งภายนอกและภายในอย่างต่อเนื่อง ผิวหน้าก็จะกลับมาใสปิ๊งได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่ชั่วคราว

References

 ● American Academy of Dermatology Association. (2023). Skin care basics. www.aad.org

 ● Mayo Clinic. (2023). Healthy skin: Tips for caring for your skin.

 ● Journal of Clinical and Aesthetic Dermatology, “Hydration and the Role of Moisturizers in Skin Barrier Function.”

 ● Harvard Health Publishing. “Beauty Sleep: How Sleep Affects Skin Health.”
● Paula’s Choice Skincare Education Center

Recommended Products

Related Knowledges