Research Blog
งานวิจัย
Beauty Blog
ความงาม
ไลฟ์สไตล์
SB Interlab News
ข่าวสารเอสบี

สครับผิวอย่างไรให้ได้ผลจริง? ไขทุกข้อสงสัยเรื่องการสครับและดูแลผิวให้เนียนใส

August 1, 2025
Reading Count
Table of Contents

สครับผิวคืออะไร? ทำไมเราถึงควรสครับผิว

การสครับผิว หรือการขัดผิว คือกระบวนการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งสะสมอยู่บนชั้นผิวออกไป เพื่อเปิดทางให้ผิวใหม่ที่สดใสกว่าได้เผยออกมา การผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาตินั้นเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือสภาพแวดล้อมไม่เอื้อ เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะหลุดออกช้าลง จึงทำให้ผิวหมองคล้ำ หยาบกร้าน หรือแม้กระทั่งเกิดสิวอุดตัน

การสครับผิวช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมรับสารบำรุง เช่น ครีม โลชั่น หรือเซรั่มได้ดียิ่งขึ้น เพราะไม่มีสิ่งอุดตันขวางทางการดูดซึม

การสครับยังช่วยในด้านจิตใจ เป็นช่วงเวลาแห่งการดูแลตัวเอง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดได้อีกด้วย โดยเฉพาะถ้าใช้สครับที่มีกลิ่นหอมจากธรรมชาติ

ประเภทของสครับผิว – เลือกยังไงให้เหมาะกับสภาพผิว

สครับมีหลากหลายประเภท ซึ่งเหมาะกับผิวแต่ละแบบต่างกัน ดังนี้:

▪️ สครับแบบเกลือ (Salt Scrub)

เหมาะกับผิวที่มีความหยาบกร้าน เช่น ผิวบริเวณข้อศอก หัวเข่า หรือฝ่าเท้า เม็ดเกลือจะช่วยผลัดเซลล์ผิวและดีท็อกซ์ผิวได้ดี แต่ไม่เหมาะกับผิวแห้งหรือแพ้ง่าย เพราะอาจระคายเคืองได้

▪️ สครับแบบน้ำตาล (Sugar Scrub)

เนื้อเม็ดละเอียดกว่าเกลือ เหมาะกับผิวทั่วไปถึงผิวแห้ง ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน น้ำตาลยังช่วยรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ผิวไม่แห้งหลังใช้

▪️ สครับเม็ดธรรมชาติ (Natural Beads)

เช่น เม็ดแอพริคอต ข้าวโอ๊ต ถ่านไม้ไผ่ ฯลฯ มีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างกันตามวัตถุดิบ เหมาะกับคนที่มองหาทางเลือกจากธรรมชาติ

▪️ สครับผสมสารบำรุง

เช่น AHA, วิตามิน E, น้ำมันบำรุงผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เรื่องความกระจ่างใส ควบคู่ไปกับการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก

การเลือกสครับควรคำนึงถึง “ผิว” ของตัวเองก่อน ว่าเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย และให้เลือกสครับที่มีส่วนผสมอ่อนโยน ถ้าไม่แน่ใจให้ทดลองที่ท้องแขนก่อนใช้จริง

ผิวแบบไหนควรสครับบ่อยแค่ไหน?

การสครับไม่ใช่ว่ายิ่งทำบ่อยยิ่งดี เพราะอาจทำให้ผิวบางและระคายเคืองได้ ความถี่ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน:

ผิวมัน/ผิวธรรมดา: สครับได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยขจัดเซลล์เก่า ลดการอุดตัน

ผิวแห้ง: สครับแค่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วเน้นการบำรุงหลังสครับทันที

ผิวแพ้ง่าย: สครับแค่ 2-3 ครั้งต่อเดือน เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ และเม็ดสครับไม่บาดผิว

ผู้ที่อยู่ในเมืองหรือมีฝุ่นมาก: อาจสครับได้ถี่ขึ้นเล็กน้อย (2 ครั้ง/สัปดาห์) โดยเน้นการล้างผิวสะอาดและบำรุงหลังสครับ

จำไว้ว่าสครับคือ “การช่วยผิวผลัดเซลล์” ไม่ใช่การถูแรง ๆ ให้ผิวขาวขึ้นในทันที

วิธีสครับผิวที่ถูกต้อง – ขั้นตอนง่าย ๆ ที่หลายคนมองข้าม

แม้การสครับจะดูเหมือนง่าย แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี อาจเกิดการระคายเคืองหรือทำร้ายผิวได้โดยไม่รู้ตัว มาดูขั้นตอนที่ควรทำ:

อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น: เพื่อเปิดรูขุมขน ทำให้เม็ดสครับทำงานได้ดีขึ้น
ใช้สครับในปริมาณพอดี: ไม่ต้องเยอะจนเปลือง แค่พอให้ทั่วตัว

ถูเบา ๆ เป็นวงกลม: โดยเฉพาะบริเวณผิวบอบบาง เช่น หน้าอก หรือต้นแขน

เน้นจุดหยาบกร้าน: หัวเข่า ข้อศอก ส้นเท้า ถูวนนานขึ้นเล็กน้อย

ล้างออกด้วยน้ำสะอาด: ไม่ควรใช้สบู่ซ้ำ เพราะอาจล้างน้ำมันบำรุงออกไป

ซับผิวเบา ๆ และบำรุงทันที: ใช้โลชั่นหรือน้ำมันบำรุงเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น

อย่าลืมว่า “ความอ่อนโยน” คือหัวใจสำคัญของการสครับ ไม่ควรถูแรงหรือใช้บ่อยเกินไป

เคล็ดลับการดูแลผิวหลังการสครับ – เพื่อผิวเนียนใสยาวนาน

หลังการสครับ ผิวจะอยู่ในช่วงที่ "เปิดรับการบำรุง" ได้ดีที่สุด การดูแลหลังสครับจึงสำคัญมาก:

ทาโลชั่นทันที: เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น ใช้โลชั่นที่มีมอยส์เจอร์เข้มข้น หรือออยล์บำรุง

หลีกเลี่ยงแดดจัดทันทีหลังสครับ: เพราะผิวเพิ่งถูกผลัดเซลล์ใหม่ จึงไวต่อแสง

ดื่มน้ำมาก ๆ: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน

อย่าทำซ้ำบ่อยเกิน: ควรเว้นระยะตามที่เหมาะสมกับผิว

เคล็ดลับอีกอย่างคือการนวดเบา ๆ ตอนทาโลชั่น ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ผิวจะดูกระจ่างใสและมีออร่าแบบธรรมชาติ

สครับผิวแล้วผิวจะบางไหม? ข้อเท็จจริงที่คุณควรรู้

คำถามนี้เป็นเรื่องที่หลายคนกังวล และคำตอบคือ "ถ้าทำอย่างถูกวิธี และใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน – ไม่ทำให้ผิวบาง" ค่ะ

ผิวเราจะบางหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้:

● การถูแรงเกินไป

● การใช้สครับที่เม็ดบาดผิว

● การใช้สครับทุกวัน
● ไม่บำรุงผิวหลังสครับ

ดังนั้น ถ้าเลือกสครับที่อ่อนโยน ถูเบา ๆ และดูแลผิวหลังการขัด ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ผิวจะค่อย ๆ ใสและนุ่มขึ้น ไม่บางลงแน่นอน

แนะนำสูตรสครับธรรมชาติ ทำเองที่บ้านได้ง่าย ๆ

สูตร 1: ขัดผิวใสด้วยน้ำตาล + น้ำผึ้ง + มะนาว

● น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ

● น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

● น้ำมะนาว ½ ช้อนชา

สรรพคุณ: น้ำตาลช่วยขจัดเซลล์ผิว น้ำผึ้งให้ความชุ่มชื้น มะนาวช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส
เหมาะสำหรับผิวธรรมดา – ผิวมัน

สูตร 2: ข้าวโอ๊ต + โยเกิร์ต + นมสด

● ข้าวโอ๊ตบด 2 ช้อนโต๊ะ

● โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะ

● นมสด 1 ช้อนชา

สรรพคุณ: ข้าวโอ๊ตอ่อนโยน เหมาะกับผิวแพ้ง่าย โยเกิร์ตช่วยปรับสมดุลผิว นมช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม

สูตร 3: กากกาแฟ + น้ำมันมะพร้าว

● กากกาแฟ 1 ช้อนโต๊ะ

● น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ

สรรพคุณ: คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดเซลลูไลต์ น้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผิวนุ่มลื่นไม่แห้ง

References

● American Academy of Dermatology. (2021). How to safely exfoliate your skin.
● Healthline. (2023). Everything You Need to Know About Exfoliating Your Skin.

● Journal of Cosmetic Dermatology. (2020). Exfoliation methods and their impact on skin barrier function.

● Mayo Clinic. (2023). Healthy Skin Care Habits.

● WebMD. (2024). Skin Exfoliation: Pros, Cons, and Tips.

Recommended Products

Related Knowledges