สครับกาแฟ ดีอย่างไร?

กากกาแฟ หรือ Coffee Scrub คือของเหลือจากการชงกาแฟที่หลายคนอาจเททิ้งไปโดยไม่รู้ว่ามีคุณค่ามากมายในการดูแลผิวพรรณ ในโลกของการดูแลผิวแบบธรรมชาติ กากกาแฟถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ทั้งปลอดภัย ประหยัด และเปี่ยมด้วยคุณสมบัติบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ไม่ว่าจะเป็นการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดผิวเปลือกส้ม หรือแม้แต่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกกับประโยชน์ของการสครับผิวด้วยกากกาแฟ พร้อมเหตุผลว่าทำไมคุณควรเริ่มต้นนำของง่าย ๆ จากครัวมาเปลี่ยนเป็นไอเทมดูแลผิวประจำบ้านได้เลย

‍

การผลัดเซลล์ผิวเป็นกระบวนการสำคัญของร่างกายเพื่อให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์อยู่เสมอ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น ควัน และมลภาวะ กระบวนการนี้จะช้าลง เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจะสะสมอยู่บนผิว ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ หยาบกร้าน และไม่เรียบเนียน

กากกาแฟมีเม็ดเนื้อหยาบที่เหมาะสำหรับการขัดผิวอย่างพอดี ไม่บาดผิว ไม่ทำร้ายเกราะป้องกันผิว เมื่อขัดผิวด้วยสครับกาแฟจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไปได้อย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวรู้สึกเนียนขึ้นทันทีหลังใช้ และยังช่วยให้ครีมหรือโลชั่นที่ทาหลังการขัดซึมลึกเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นอย่างเห็นผล

นอกจากนี้ การผลัดเซลล์ผิวสม่ำเสมอจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ป้องกันการเกิดสิว และทำให้ผิวดูสะอาดใสแบบธรรมชาติอีกด้วย

‍

คาเฟอีนในกากกาแฟเป็นสารที่สามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเรานวดผิวด้วยสครับกาแฟจะเกิดแรงเสียดทานเบา ๆ ที่ช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเปล่งปลั่ง อมชมพู ดูสุขภาพดีขึ้นอย่างชัดเจน

การไหลเวียนของเลือดที่ดีไม่เพียงแค่ทำให้ผิวดูดี แต่ยังช่วยนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้เต็มที่ ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยได้ดี นอกจากนี้การนวดเบา ๆ ยังช่วยลดอาการบวม ลดอาการเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ และผ่อนคลายระบบประสาทได้ด้วย

‍

เซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะบริเวณต้นขา หน้าท้อง สะโพก หรือแขนส่วนบน การใช้สครับกาแฟอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดลักษณะผิวเปลือกส้มได้จริง เพราะคาเฟอีนมีคุณสมบัติช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนังแบบเฉพาะที่และช่วยกระตุ้นการระบายน้ำส่วนเกินในเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นสาเหตุของเซลลูไลท์

การนวดด้วยกากกาแฟยังเป็นการกระตุ้นการขับสารพิษออกจากเนื้อเยื่อผ่านต่อมน้ำเหลือง ช่วยลดอาการบวมและทำให้ผิวดูกระชับขึ้น เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะเห็นว่าผิวบริเวณที่เคยขรุขระดูเรียบเนียนขึ้น และรู้สึกกระชับมากยิ่งขึ้น

‍

หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของสครับกาแฟคือการช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีหรือไวท์เทนนิ่งแรง ๆ เนื่องจากกากกาแฟอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) ที่ช่วยยับยั้งการเกิดจุดด่างดำ รอยแผลเป็นจากสิว และช่วยทำให้ผิวดูสม่ำเสมอ

เมื่อขัดผิวอย่างสม่ำเสมอจะสังเกตได้ว่าผิวที่เคยหมองคล้ำจากแดดหรือมลภาวะค่อย ๆ จางลง ผิวดูนุ่มนวลและมีออร่าแบบสุขภาพดี โดยไม่ทำให้ผิวบางหรือไวต่อแสง

หากอยากเพิ่มประสิทธิภาพในการขาวกระจ่างใส สามารถผสมกากกาแฟกับน้ำผึ้ง นมสด หรือน้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มวิตามินซีจากธรรมชาติลงไปด้วย

‍

รูขุมขนที่อุดตันจากสิ่งสกปรก เหงื่อ และน้ำมันส่วนเกิน เป็นหนึ่งในต้นเหตุหลักของการเกิดสิว โดยเฉพาะบริเวณแผ่นหลัง หน้าอก และแขน สครับกาแฟสามารถช่วยดูดซับความมันและสิ่งสกปรกได้ดี ไม่ต่างจากแอคทีฟชาร์โคล

เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยให้รูขุมขนสะอาด ผิวรู้สึกเบาสบาย ลดความเสี่ยงของการเกิดสิวอุดตันและสิวผด อีกทั้งยังช่วยลดกลิ่นตัวและกลิ่นเหงื่อได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วย

‍

กลิ่นหอมของกาแฟมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากกว่าที่เราคิด เพราะสามารถกระตุ้นระบบประสาทให้รู้สึกตื่นตัวในขณะที่ช่วยคลายความเครียดในเวลาเดียวกัน การขัดผิวด้วยสครับกาแฟในห้องน้ำจึงเปรียบเสมือนการได้เข้าสปาแบบธรรมชาติ

ความอบอุ่นจากมือที่นวดผิว ร่วมกับกลิ่นกาแฟที่หอมกรุ่น ช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ลดความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการช่วงเวลาเงียบสงบในวันวุ่นวาย

ประหยัด ทำง่าย ใช้ได้ทุกสภาพผิว

ไม่ต้องเสียเงินหลักร้อยหรือพันกับสครับแบรนด์ดัง เพราะกากกาแฟสามารถนำมาทำสครับได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพียงผสมกับน้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง หรือน้ำมันอาร์แกน ก็สามารถเปลี่ยนกากกาแฟให้กลายเป็นสครับคุณภาพที่เหมาะกับทุกสภาพผิว

สูตร DIY แนะนำ:

● ผิวแห้ง: กากกาแฟ + น้ำมันมะพร้าว + น้ำผึ้ง
● ผิวมัน: กากกาแฟ + โยเกิร์ต + น้ำมะนาวเล็กน้อย

● ผิวแพ้ง่าย: กากกาแฟ + เจลว่านหางจระเข้ + น้ำผึ้ง

ประหยัด ใช้ง่าย และไม่มีสารเคมีตกค้าง จึงเหมาะกับทุกคนในครอบครัว

‍